กลอนธรรมยาตรา รวมบทกลอนเกี่ยวกับธรรมยาตรา
ศรัทธาและโภตะ
มุนีพึงจาริกไปในเขตคาม ไม่ทำลายศรัทธาและโภตะของชาวบ้าน
คนโง่ได้ยศก็ไม่เกิดประโยชน์
ผู้มีปัญญาทรามได้ยศแล้ว ย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมปฏิบัติเพื่อความเบียดเบียนตน และคนอื่น
ขออย่างพระอริยเจ้า
ผู้มีปัญญาทั้งหลาย จะไม่ออกปากขอเลย ธีรชนควรรู้ไว้ พระอริยเจ้าทั้งหลาย ยืนเฉพาะเจาะจงอยู่ที่ใด นั่นคือการขอของพระอริยเจ้าทั้งหลาย
สิ่งที่ทำได้ยากเมื่อให้ไปแล้ว
คนควรให้ทาน จะน้อยหรือมากก็ตาม แต่ผู้ใด ครั้นให้ทานแล้ว ไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง การไม่เดือดร้อนใจนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่าการกลืนดาบ กว่าการพูดว่าจะให้สิ่งของที่เป็นที่รักนั้น เหตุอย่างอื่นนั้นทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย
ขอจงเป็นอยู่เถิด
พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อมีผู้ถวายบังคม จะทรงพระอิริยาบถที่สง่างาม ทรงเปล่งพระสุรเสียง ดุจท้าวมหาพรหมที่ไพเราะเสนาะโสต เป็นที่จับใจ เปี่ยมด้วยโสรจชะโลมด้วยน้ำอมฤต ตรัสระบุชื่อของผู้นั้นแล้วกล่าวว่า จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด ข้อนี้เป็นธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ผู้รักในการทำความดี
ผู้มีปัญญา ทำกุศลอยู่คราวละน้อยๆ ทุกๆ ขณะโดยลำดับ พึงกำจัดมลทิน คือกิเลสของตนได้ เหมือนช่างทองขจัดมลทินของทองให้หมดไปได้ฉะนั้น
ผู้นำต้องรอบคอบ
ยศย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วจึงทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท
เทวดาเตือนภัย
บัณฑิต พึงรีบทำกิจที่ควรทำก่อน อย่าให้กิจที่ต้องทำเบียดเบียนตัวได้ในเวลาที่ต้องการ กิจนั้นไม่เบียดเบียนบุคคลผู้รีบทำกิจที่ควรทำเช่นนั้น ในเวลาที่ต้องการ
สุกรโพธิสัตว์
ห้วงน้ำ คือพระธรรมไม่มีโคลนตม บาป เรียกว่าเหงื่อไคล และศีล เรียกว่าเครื่องลูบไล้ใหม่ แต่ไหนแต่ไรมา กลิ่นของศีลนั้นไม่เคยจางหายไป